อยากเป็น Digital Nomad หรือ คนเร่ร่อนดิจิทัล ทำงานจากทางไกลได้จากทุกที่ ไม่จำเป็นต้องอยู่บ้านหรือออฟฟิศให้ประสบความสำเร็จ เดินทางได้ เที่ยวได้ แถมงานยังเดินด้วย ต้องทำยังไง? 11 เทคนิคต่อไปนี้ คือเทคนิคที่จะช่วยให้คุณทำอาชีพนี้ให้ประสบความสำเร็จได้!
- มีงานและเงินก่อนแล้วค่อยไป
เพราะอาชีพ “คนเร่ร่อนดิจิทัล” คืออาชีพที่ทำงานจากทางไกล บางคนเดินทางไปด้วย แน่นอนว่า “เงิน” คือปัจจัยสำคัญ ดังนั้น หากคุณอยากประสบความสำเร็จในฐานะคนเร่ร่อนดิจิทัล ทำงานหาเงินได้ไปพร้อม ๆ กับเดินทางท่องเที่ยวที่คุณชอบ สิ่งแรกที่ควรทำคือ ควรแน่ใจก่อนว่าคุณมีงานแน่ ๆ ที่สามารถหาเงินมารองรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ บางคนโชคดีที่บริษัทที่ทำงานอยู่เปิดโอกาสให้สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ เรื่องของงานและเงินจึงไม่ใช่ปัญหา แต่สำหรับบางคนที่ไม่ได้ทำงานประจำ หรือลาออกมาเพื่อทำอาชีพนี้โดยเฉพาะ ควรแน่ใจก่อนว่าถ้าเริ่มเดินทางทำอาชีพนี้ คุณยังมีงานให้ทำเพื่อหาเงิน และยังมีเงินเพียงพอที่จะใช้จ่ายในการเดินทางไปที่ต่าง ๆ
- แบ่งให้ชัดเจนระหว่างการทำงานและการเดินทาง
ความสมดุลเป็นหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดในการทำงานจากทางไกล หรือการทำงานไปพร้อม ๆ กับเที่ยวไปด้วย เพราะมันง่ายมากที่คุณจะเพลิดเพลินไปกับการท่องเที่ยวใหม่ ๆ สถานที่ใหม่ ๆ ผู้คนใหม่ ๆ และอาหารใหม่ ๆ จนบางครั้งคุณลืมเวลาและลืมทำงาน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะสามารถทำงานได้สำเร็จลุล่วง แล้วยังสามารถเที่ยวได้อย่างมีความสุขจริง ๆ ควรขีดเส้นแบ่งเวลาให้ชัดเจนว่า ในแต่ละวันคุณจะทำอะไรบ้าง ทำงานตอนไหน หรือไปเที่ยว ทำกิจกรรมอื่น ๆ ตอนไหน
- ไม่ต้องรีบ ค่อย ๆ เดินทาง และซึมซับบรรยากาศรอบข้าง
วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและการเดินทาง รวมถึงทำให้คุณได้ทำความรู้จักทั้งสถานที่ที่ไป และนิสัยของตัวเองมากขึ้น คือ การเดินทางไปอย่างช้า ๆ ไม่ต้องรีบร้อน อย่าเปลี่ยนสถานที่ไปแบบวันเว้นเว้น หรือบ่อยเกินไป ไม่ใช่แค่ช่วยในเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ยังทำให้คุณมีเวลาเหลือเฟือในการทำความรู้จักสิ่งรอบข้าง สร้างนิสัย และกิจวัตรประจำวันที่มีประสิทธิผล รวมถึงยังทำให้คุณมีเวลามากพอที่จะทำงาน ท่องเที่ยว และพักผ่อนจริง ๆ
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอินเทอร์เน็ต Wi-Fi ใช้งานได้อย่างดี
การทำงานจากทางไกล แน่นอนว่าต้องทำผ่านออนไลน์ ไม่ว่าจะหาข้อมูล หรือส่งงานต่าง ๆ ดังนั้น อินเทอร์เน็ต หรือ Wi-Fi ที่รวดเร็วและเสถียรเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ก่อนที่คุณจะเลือกปลายทางที่จะไป ควรสอบถามทางที่พักหรือสถานที่ว่ามี Wi-Fi หรือไม่ หรือควรเช็กให้แน่ใจว่าที่ที่คุณจะไปมีสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตที่คุณใช้หรือไม่
- สร้างสัมพันธ์กับคนรอบข้าง หรือคนในท้องถิ่นที่คุณไป
อาจดูเหมือนไม่เกี่ยวกับการทำอาชีพที่ต้องทำงานจากทางไกล แต่อย่าลืมว่าการที่คุณจะไปอยู่ที่นั่นในฐานะ “คนเร่ร่อนดิจิทัล” คุณอาจต้องใช้เวลาอยู่นานกว่านักท่องเที่ยวที่ปกติมาแค่ 2 วัน 1 คืน หรือ 3 วัน 2 คืน ดังนั้น เพื่อการทำงานและการเที่ยวของคุณเป็นไปอย่างดี ควรสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง คนในท้องถิ่น หรือแม้แต่นักเดินทางที่คุณพบเจอ ไม่เพียงแต่ทำให้คุณสนุกเท่านั้น แต่ยังถือเป็นโอกาสในการสร้างคอนเนคชันที่อาจช่วยงานหรือธุรกิจของคุณได้
- ป้องกันข้อมูลรั่วไหลด้วยการใช้งาน VPN และควรสำรองข้อมูลไว้เสมอ
ในฐานะคนเร่ร่อนดิจิทัล คุณจำเป็นต้องทำงานผ่านระบบออนไลน์อยู่ตลอด ดังนั้น เรื่องของความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงเสมอ ไม่ว่าจะข้อมูลการธนาคาร ข้อความส่วนตัว หรืออีเมล ทั้งหมดนี้สามารถเข้าถึงได้หากคุณไม่ระวัง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลของคุณได้รับการปกป้องโดยใช้ “VPN หรือ เครือข่ายส่วนตัวเสมือน” ซึ่งเป็นเสมือนเกาะกำบังไม่ให้ข้อมูลทางออนไลน์ของคุณรั่วไหลหรือถูกขโมย ที่สำคัญ ควรสำรองข้อมูลไว้เสมอ เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินข้อมูลหาย คุณจะได้ไม่เกิดปัญหาในภายหลัง
- ลงทุนกับหูฟังดี ๆ เพื่อตัดเสียงที่อาจรบกวนสมาธิของคุณ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ฟุ้งซ่านได้ง่าย รู้สึกไม่มีสมาธิทำงานหรือต้องเข้าร่วมประชุมเวลาได้ยินเสียงรบกวนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเสียงรถ หรือเสียงผู้คน ที่คุณอาจต้องเจอระหว่างการเดินทางบ่อย ๆ หนึ่งในอุปกรณ์ที่ควรมีและพกพาไปด้วยก็คือ หูฟังตัดเสียงรบกวนดี ๆ สักหนึ่งคู่ ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่พลุกพล่าน หรือการทำงานแบบเงียบ ๆ ไร้เสียงรบกวนต่าง ๆ สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่คุ้มค่าแก่การลงทุน
- ทำประกันภัยการเดินทางเผื่อไว้
เมื่อคุณเป็นคนเร่ร่อนดิจิทัลที่ต้องเดินทางอยู่บ่อย ๆ เรื่องของอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางถือเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอและคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ตั้งแต่กระเป๋าเดินทางหาย เที่ยวบินล่าช้า การโจรกรรม รวมถึงอุบัติเหตุร้ายแรงที่อาจทำให้คุณบาดเจ็บได้ ดังนั้น ควรซื้อความสบายใจ ลองมองหาประกันภัยการเดินทางดี ๆ สักหนึ่งที่เผื่อไว้ จะได้ไม่เป็นปัญหาทีหลังหากคุณต้องเจอกับมันจริง ๆ
- เช็คเวลาให้ดีก่อนออกเดินทางเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นเวลาในการทำงาน เวลาที่ต้องเข้าประชุม พบปะผู้อื่น หรือแม้กระทั่งเวลาเที่ยวรถ หรือเครื่องบินที่คุณต้องขึ้น ก่อนเดินทางทุกครั้ง ควรเช็คให้แน่ใจก่อนว่า เวลาไหนที่คุณต้องทำอะไรบ้าง และที่สำคัญควรเผื่อเวลาทุกครั้ง รวมถึงควรแจ้งเวลากับทีม คนที่คุณต้องทำงานด้วย หรือแม้แต่ลูกค้าที่คุณต้องติดต่อด้วย เพื่อไม่ให้เรื่องของเวลามาทำให้งานของคุณเสียหายในภายหลัง และคุณเองก็จะไม่ต้องรู้สึกกดดันหรือต้องรีบร้อนจนเกินไป
- มีความรับผิดชอบต่อทั้งงานและโลก
คุณในฐานะคนเร่ร่อนดิจิทัลและเป็นนักเดินทางในเวลาเดียวกัน เรื่องของ “ความรับผิดชอบ” เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ควรทำงานให้เสร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ก่อน แล้วค่อยออกไปเที่ยว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหรือทำงานไม่ทัน ในขณะเดียวกัน ความรับผิดชอบต่อโลกก็สำคัญ เมื่อโลกกำลังต้องเผชิญกับมลพิษจากพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง คุณควรเป็นนักเดินทางที่มีความรับผิดชอบต่อโลก เช่น เตรียมของที่จะใช้เดินทางเป็นสิ่งที่สามารถใช้ซ้ำได้ ไม่ว่าจะเป็น ขวดน้ำ หรือ ถุงผ้า และควรหลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง เพื่อไม่เป็นการเพิ่มขยะให้โลกใบนี้
- อย่าทำงานแต่งาน ออกจากระบบอีเมล แล้วไปพักผ่อนซะ
การเที่ยวเยอะเกินไปเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่องาน แต่การทำงานเยอะเกินไปก็ไม่ดีต่อการพักผ่อนเช่นเดียวกัน ดังนั้น บางครั้งหากคุณทำงานในส่วนของวันนี้เสร็จแล้ว หรือหมดเวลาการทำงานของวันนี้แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องมาคอยห่วงว่าใครจะโทรมาหรือไม่ จะมีอีเมลงานอะไรเข้ามาหรือเปล่า แม้จะเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ทำงานตลอดเวลา แต่ในเมื่อคุณตัดสินใจมาเป็น “คนเร่ร่อนดิจิทัล” แล้ว เปลี่ยนสถานที่ทำงาน และต้องการมาพักผ่อนด้วยแล้ว ก็ควรออกจากรับอีเมล ปิดคอมฯ แล้วไปนอนพัก หรือพาตัวเองออกไปเที่ยว ไปพักผ่อนจริง ๆ อย่าลืมกำหนดขอบเขตเวลาให้ชัดเจน และอย่าตกหลุมพรางของการทำงานที่หนักเกินไป